กรุงเทพฯ, 22 กรกฎาคม 2564 – PwC ประเทศไทย เผยองค์กรไทยหันมาใช้งานเอไอสูงขึ้นอย่างชัดเจน หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ชี้บริษัทขนาดใหญ่มีการลงทุนในระบบการเรียนรู้พฤติกรรม (Machine Learning: ML) และเอไออื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูล พร้อมแนะองค์กรยกระดับการใช้งานเอไออย่างมีความรับผิดชอบ และคาดการณ์ 5 แนวโน้มสำคัญที่ผู้บริหารควรพิจารณาจากการนำเอไอมาใช้กับธุรกิจในอนาคต
นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา และหัวหน้าสายงานกลุ่มธุรกิจบริการทางการเงิน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้องค์กรไทยหันมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) กันอย่างกว้างขวาง สอดคล้องกับผลสำรวจ AI Predictions 2021 ของ PwC ที่พบว่า หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจในสหรัฐอเมริกากล่าวว่า บริษัทของตนมีการใช้เอไอ เพิ่มขึ้นจาก 18% ในปีก่อน ขณะที่ 54% กำลังเปลี่ยนองค์กรสู่การใช้งานเอไออย่างเต็มรูปแบบ
“ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เราเห็นบริษัทขนาดใหญ่หันมาตื่นตัวในการศึกษาและลงทุนในเทคโนโลยีประเภทแมชชีนเลิร์นนิ่งและเอไออื่น ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนภายในองค์กรและพัฒนาศักยภาพของทีมงานให้มีความเข้าใจในการใช้เอไอ หรือใช้งานเอไอผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ขณะที่อีกหลายบริษัทก็อยู่ระหว่างการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการข้อมูล” นางสาว วิไลพร กล่าว
นางสาว วิไลพร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มหลายประเภทที่ฝังเทคโนโลยีเอไอเข้าไปในฟังก์ชันงาน เช่น แพลตฟอร์มด้านการให้บริการลูกค้าที่เพิ่มฟังก์ชันการวิเคราะห์ลูกค้าอัจฉริยะ แพลตฟอร์มการบัญชีเอไอ (AI accounting platform) ที่มีฟังก์ชันการวิเคราะห์งบการเงิน แพลตฟอร์มงานบริหารบุคคลอัจฉริยะ (AI HR platform) ที่มีฟังก์ชันการสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานหรือวิเคราะห์ข้อมูลพนักงาน และแพลตฟอร์มการขายอัจฉริยะที่มีฟังก์ชันเข้ามาช่วยวิเคราะห์การเพิ่มยอดขาย เป็นต้น
วางกรอบการใช้งานเอไออย่างมีความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ดี นางสาว วิไลพร กล่าวว่า การใช้งานเอไอต้องเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible AI) และเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องคำนึงถึง ซึ่งปัจจุบันองค์กรไทยส่วนใหญ่ยังคงเน้นในเรื่องประโยชน์และการนำเอไอมาปรับใช้ในธุรกิจให้เหมาะสมเพียงมิติเดียว แตกต่างจากในต่างประเทศที่ตื่นตัวเรื่องของการลดอคติ (Bias) ของเอไอ เพราะส่งผลอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม
“เราจะเห็นว่าองค์กรขนาดใหญ่ระดับโลกมีระดับของการใช้งานเอไอที่ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยพิจารณาว่า จะใช้งานเอไออย่างมีความรับผิดชอบได้อย่างไร และจะควบคุมอคติของเอไอได้อย่างไร ซึ่ง PwC ได้พัฒนา Responsible AI Toolkit ที่เป็นเหมือนชุดเครื่องมือขึ้นมาช่วยจัดการกรอบการใช้งาน และกระบวนการทำงาน รวมถึงแนวทางที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ศักยภาพของเอไออย่างมีจริยธรรมมากขึ้น” นางสาว วิไลพร กล่าว
ทั้งนี้ รายงานของ PwC ยังได้ระบุถึง 5 แนวโน้มที่ผู้บริหารควรพิจารณาจากการนำเอไอมาใช้งานในอนาคต ดังต่อไปนี้
“สำหรับบริษัทที่ยังไม่ได้มีการลงทุน หรือกำลังศึกษาการนำเอไอเข้ามาใช้ในธุรกิจควรเริ่มจากหา use case ก่อนเพื่อดูว่า จะนำมาเอไอมาใช้ตรงจุดไหน โดยสามารถหาไอเดียจาก case ต่าง ๆ จากองค์กรที่ได้นำเอไอมาใช้แล้ว และอาจจะเริ่มใช้กับฝ่ายงานภายในก่อน เช่น เอชอาร์ จัดซื้อ บัญชี การผลิต หรือแม้กระทั่งงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้า เช่น การใช้แชทบอท งานคอลเซ็นเตอร์งานโฆษณา และการตลาด โดยเน้นไปที่งานที่ต้องมีการวิเคราะห์เยอะ ๆ และพิจารณาว่า เอไอจะช่วยในเรื่องการวิเคราะห์ขั้นสูงขึ้นได้อย่างไร ซึ่งสามารถสร้างระบบที่มีสเกลและยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของธุรกิจ”
//จบ//
ที่ PwC เป้าประสงค์ของเรา คือ การสร้างความไว้วางใจในสังคมและช่วยแก้ปัญหาสำคัญให้กับลูกค้า เราเป็นหนึ่งในบริษัทเครือข่าย 155 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 284,000 คนที่ยึดมั่นในการส่งมอบบริการคุณภาพด้านการตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางธุรกิจ กฎหมายและภาษี หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ www.pwc.com
PwC ประเทศไทย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 62 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรมากกว่า 1,800 คนในประเทศไทย
PwC refers to the Thailand member firm, and may sometimes refer to the PwC network. Each member firm is a separate legal entity. Please see www.pwc.com/structure for further details.
© 2021 PwC. All rights reserved