Next Gen Blog

 

“ผู้นำรุ่นใหม่” บริหารธุรกิจครอบครัวอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

27 ธันวาคม 2560, โดย กุลธิดา เด่นวิทยานันท์

 

หลายคนคงพอจะทราบดีว่า ผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการเข้ามารับช่วงกิจการต่อจากผู้นำรุ่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นมุมมองทางธุรกิจที่แตกต่างกันระหว่างคนสองวัย ความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้นำรุ่นปัจจุบันที่มีต่อผู้นำรุ่นใหม่ หรือ แม้กระทั่งการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันและเหมาะสมในแต่ละยุคแต่ละสมัย และอื่นๆ อีกมาก แต่ใช่ว่า ทางออกของอุปสรรคเหล่านี้จะมืดมน เพราะยังมีทายาทรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จ หลังจากเข้ามารับไม้ต่อในการบริหารธุรกิจจากผู้นำรุ่นก่อน

ส่วนหนึ่งจากรายงาน “Same passion, different paths: How the next generation of family business leaders are making their mark” ของ PwC ที่ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกทายาทกิจการรุ่นใหม่จำนวน 35 ราย จาก 21 ประเทศ อีกทั้งทำการสำรวจความคิดเห็นทายาทรุ่นใหม่ในรูปแบบอื่นๆ อีกกว่า 100 ราย ได้เปิดเผยถึง 5 แนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ผู้นำรุ่นใหม่สามารถประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจครอบครัว ซึ่งผู้เขียนอยากหยิบยกมาให้ได้อ่าน เพราะเชื่อว่านี่น่าจะเป็นหลักสูตรลัดที่มีประโยชน์สำหรับผู้บริหาร นั่นคือ

มุมมองต่อการพัฒนานวัตกรรมของผู้บริหารธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ ที่มา: รายงาน Same passion, different paths: How the next generation of family business leaders are making their mark, PwC
  1. เสริมทัพกิจการครอบครัวด้วยดิจิทัล (Digitisation) กระแสของการนำดิจิทัลมาใช้เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจภายใต้การบริหารของผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้บริหารรุ่นนี้เติบโตมากับเทคโนโลยีและมีความคุ้นเคยกับการใช้ดิจิทัลเป็นอย่างดี จึงเห็นความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจครอบครัวของตนเองมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ในปัจจุบันผู้บริหารธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ยังเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า และทำให้สินค้าและบริการเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อีกทั้งให้ความสำคัญกับการนำโซเชียลมีเดียต่างๆ เข้ามาใช้ในองค์กรด้วย

    แต่อย่างไรก็ตาม ช่องว่างระหว่างวัยและความแตกต่างทางความคิด ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการนำสิ่งเหล่านี้เข้ามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจครอบครัว ซึ่ง 36% ของผู้นำรุ่นใหม่ที่ถูกสำรวจ ยังคงรู้สึกอึดอัดที่ผู้นำรุ่นพ่อ-แม่ไม่เข้าใจถึงศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากกิจการของพวกเขายังคงล้าหลัง

  2. สร้างนวัตกรรมที่แตกต่าง (Innovation) นวัตกรรม ถือเป็นหนึ่งความท้าทายสำคัญของธุรกิจครอบครัว เพราะสำหรับคนรุ่นใหม่แล้ว นวัตกรรมเปรียบเสมือนอาวุธหลักในการสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เกิดความแตกต่างและสร้างผลกำไรให้กับกิจการในระยะยาว ความตื่นตัวเรื่องนวัตกรรมอีกทั้งความกล้าที่จะเสี่ยงในการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวอยู่รอดและมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ รายงานของ PwC ระบุว่า ผู้นำรุ่นใหม่ถึง 82% เชื่อว่า นวัตกรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อการดำเนินธุรกิจครอบครัว โดยยังพบว่า 56% ของคนรุ่นใหม่จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันและพัฒนานวัตกรรมให้กับกิจการของครอบครัว ยกตัวอย่าง เช่น การมีแนวคิดแบบสตาร์ทอัพจะยิ่งช่วยให้ครอบครัวของพวกเขาสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่แตกต่างได้อย่างรวดเร็ว แต่ทายาทธุรกิจจำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับรุ่นพ่อ-แม่ถึงความสำคัญของเรื่องดังกล่าวด้วย โดยต้องมีความสามารถในการโน้มน้าวและอธิบายถึงจุดแข็งของนวัตกรรมที่จะมาเสริมกับธุรกิจภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ให้ได้

  3. บริหารกิจการครอบครัวอย่าง “มืออาชีพ” (Professionalism) เป็นที่น่าสนใจว่า ทายาทรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า การจ้าง “มืออาชีพ” หรือ “คนนอกครอบครัว” ที่มีความสามารถและมีศักยภาพในด้านการบริหารเข้ามาช่วยจัดการธุรกิจครอบครัว จะส่งผลให้กิจการเติบโตมากกว่าการลงมือบริหารเอง เพราะบุคคลเหล่านี้จะบริหารจัดการธุรกิจให้เป็นไปตามกลยุทธ์และตรงกับเป้าประสงค์ขององค์กร โดยไม่มีเรื่องของ “ความเป็นเจ้าของ” เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งนำไปสู่การดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานในองค์กรที่มีความสามารถได้เติบโตไปเป็นผู้บริหารในสายงานของตนเองได้อีกด้วย

  4. กระจายความเสี่ยงและสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ (Diversification) สำหรับทายาทกิจการรุ่นใหม่หลายรายที่ประสบความสำเร็จนั้น พวกเขาเชื่อว่า การทำอะไรเดิมๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ดังนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือรูปแบบทางธุรกิจ รวมไปถึงการขยายตลาดใหม่ๆ เพื่อเติบโตและกระจายความเสี่ยง จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญไม่แพ้กับการสร้างผลกำไรให้กับกิจการ นอกจากนี้ การหาประสบการณ์จากโลกภายนอก ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทายาทรุ่นใหม่แสวงหาเพื่อให้เกิดการพัฒนาตนเองและยังเป็นการเปิดโอกาสให้ตนได้เรียนรู้เรื่องของธุรกิจจากองค์กรอื่น และสามารถนำบทเรียนที่ได้กลับมาปรับใช้กับตัวธุรกิจของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

  5. คำนึงถึงสังคมส่วนรวม (Social Responsibility) รายงานฉบับนี้ยังได้ระบุว่า ทายาทธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความทะเยอทะยานในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับธุรกิจครอบครัวของตน โดยไม่ได้มุ่งหวังแค่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่มีเป้าหมายในการสร้างสิ่งที่ดีกลับคืนสู่สังคม นอกจากนี้ มุมมองในเรื่องของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้นำรุ่นใหม่ ยังแตกต่างจากผู้นำรุ่นพ่อ-แม่ ยกตัวอย่าง เช่น คนรุ่นเก่าจะเน้นไปที่การบริจาคเงิน หรือสิ่งของทั่วไป แต่สำหรับคนรุ่นใหม่จะไม่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเพียงแค่ครั้งคราว แต่พวกเขาบรรจุมันให้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับองค์กร ผ่านแนวคิดที่ว่า การให้อะไรแก่สังคมนั้น ธุรกิจต้องมีเป้าหมายที่เหมาะสม ยั่งยืน และเห็นผลชัดเจน

จะเห็นได้ว่าทายาทธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จล้วนมีเป้าหมายในการทำธุรกิจที่ชัดเจน แต่หากพิจารณาให้ดีจะพบว่า แนวคิดของผู้นำรุ่นใหม่หลายๆ เรื่องนั้นแตกต่างจากผู้นำรุ่นปัจจุบันอยู่พอสมควร ดังนั้น “การสื่อสาร” เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้นำรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจครอบครัว โดยผู้นำรุ่นปัจจุบันที่เตรียมจะส่งไม้ต่อ ก็ต้อง “เปิดใจ” รับฟังและเห็นแก่ประโยชน์ขององค์กรในระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล เพราะหากไม่เตรียมพร้อมรับมือและปรับตัวให้เข้ากับกระแสฯ ตั้งแต่วันนี้ ไม่แน่ว่ากิจการครอบครัวที่บรรพบุรุษช่วยกันสร้างมาตั้งแต่รุ่นแรก อาจตกอยู่บนความเสี่ยงที่รอวันปะทุจนยากต่อการแก้ไขก็เป็นได้ 

Contact us

Marketing and Communications

Bangkok, PwC Thailand

Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29

Follow us