
โดย ชาญชัย ชัยประสิทธิ์
ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย
6 มิถุนายน 2566
ในยุคที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเงินเฟ้อสูง และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ รวมไปถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่อาจส่งผลต่อการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และอื่น ๆ ผู้บริหารจึงต้องเตรียมความพร้อมขององค์กรในเชิงรุกเพื่อให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอดได้ ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรก้าวข้ามวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่เว้นแต่ละวัน คือความสามารถในการฟื้นตัวขององค์กร (Resilience)
เมื่อเร็ว ๆ นี้ PwC ได้จัดทำรายงานผลสำรวจ Global Crisis and Resilience Survey 2023 เพื่อศึกษาถึงการเตรียมตัวขององค์กรต่าง ๆ ในการรับมือกับผลกระทบจากภาวะวิกฤตและความสามารถในการฟื้นตัว รวมทั้งการจัดการทรัพยากร และการลงทุน โดยรวบรวมความคิดเห็นจากผู้บริหารจำนวน 1,812 รายทั่วโลกพบว่า ผู้นำธุรกิจส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิดในการบริหารองค์กรที่มุ่งเน้นการสร้างความยืดหยุ่น เพราะช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดย 89% ของผู้บริหารกล่าวว่า ความสามารถในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กร แต่ก็ยังมีองค์กรอีกจำนวนมากที่ขาดองค์ประกอบพื้นฐานที่จะช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่น และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยผมขอสรุปสามประเด็นสำคัญที่พบจากรายงานฉบับนี้ ดังต่อไปนี้
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า วันนี้รูปแบบการทำงานแบบดั้งเดิมเพื่อจัดการกับการฟื้นตัวจากความเสี่ยง ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป เพราะการตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎระเบียบเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้องค์กรมีความพร้อม โดยองค์กรหลายแห่งพลาดโอกาสที่จะค้นพบต้นตอของปัญหา และแก้ไขช่องโหว่ก่อนที่วิกฤตจะเกิดขึ้น ดังนั้นผู้นำธุรกิจจึงต้องเข้าใจกลยุทธ์ในการสร้างความยืดหยุ่นและการฟื้นตัวขององค์กร รวมถึงลงทุนในเทคโนโลยีที่สามารถดึงข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำมารวบรวมและวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ผ่านการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รายงานของ PwC ระบุว่า 60% ของผู้นำธุรกิจเข้าใจถึงความจำเป็นของการนำเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ความยืดหยุ่น ขณะที่เกือบ 90% วางแผนที่จะลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ตามมาด้วยการลงทุนในการจัดการภาวะวิกฤต (86%) และการจัดการในภาวะฉุกเฉิน (85%) อย่างไรก็ดี ยังมีองค์กรอีกจำนวนมากที่ไม่ได้วางแผนการลงทุนที่จำเป็นเพื่อจัดการกับความเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเฝ้าระวังภัยคุกคามและการสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งหากผู้บริหารยังคงไม่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้องค์กรตกอยู่ในความเสี่ยง และขาดศักยภาพในการจัดการภาวะวิกฤตอย่างไม่ต้องสงสัย
รายงานของ PwC ฉบับนี้ ยังได้แนะนำห้าแนวปฏิบัติที่จะช่วยสร้างองค์กรให้มีความยืดหยุ่น และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากภาวะวิกฤตหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ดังต่อไปนี้
หมายเหตุ: บทความนี้ถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ทาง The Standard Wealth
Marketing and Communications
Bangkok, PwC Thailand
Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29