สินสิริ
ก่อนอื่น ขออธิบายคอนเซปต์เกี่ยวกับการจัดประเภทเครื่องมือทางการเงินนะคะ ในการจัดประเภทเครื่องมือทางการเงิน นอกจากที่จะพิจารณาจากโมเดลธุรกิจแล้ว เรายังต้องศึกษาเกี่ยวกับกระแสเงินสดที่เกิดจากสัญญาด้วย
ขออนุญาตเน้นที่หลักเกณฑ์ที่มีการปรับปรุงแล้ว โดยเฉพาะที่เราได้พูดคุยกันไปเมื่อสักครู่ว่า เราต้องพิจารณาเงินต้นและดอกเบี้ย มาตรฐานพยายามอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย โดยให้ดูว่าการจ่ายนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของลูกหนี้หรือของผู้ออกตราสารหรือไม่ หากสะท้อนความเสี่ยงนี้ เครื่องมือทางการเงินก็จะผ่าน SPPI โดยใช้คำว่า ‘basic lending arrangement’ ซึ่งหมายถึง การออกฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อให้เราตรวจสอบว่าการจ่ายดอกเบี้ยอิงตามปัจจัยอื่น ๆ แล้วสะท้อนความเสี่ยงของผู้ออกตราสารหรือไม่
ถ้าเรามองเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น green loan การจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยจะเชื่อมโยงกับค่า ESG ของผู้ออกตราสาร หากเชื่อมโยงกับ ESG แล้วสะท้อนถึงความเสี่ยงของผู้ออกตราสาร ก็จะสามารถผ่าน SPPI ได้
ถ้าผ่าน SPPI แล้ว โมเดลธุรกิจจะถูกจัดประเภทเป็น amortised cost หรือ fair value through other comprehensive income (FVOCI หรือที่เรียกว่า มูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น) ขึ้นอยู่กับสิ่งที่นักลงทุนเลือกลงทุน แต่หากพิจารณาแล้วว่าเครื่องมือทางการเงินนั้นเชื่อมโยงกับ ESG แต่ไม่สะท้อนถึง basic lending arrangement หรือไม่สะท้อนความเสี่ยงของผู้ออกตราสาร เครื่องมือทางการเงินนั้นจะต้องถูกวัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุน หรือที่เรียกว่า FVTPL (fair value through profit or loss) ซึ่งหมายความว่า ทุกครั้งที่แสดงงบการเงิน เราจะต้องวัดเครื่องมือทางการเงินนี้ด้วยมูลค่ายุติธรรม
ตัวอย่าง เช่น หากเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เราวัดมูลค่าได้ที่ 100 บาท และในปีถัดไป คือ 31 ธันวาคม 2568 เราวัดได้ที่ 120 บาท ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น คือ 20 บาท เราก็จะบันทึกยอดนี้ในงบกำไรขาดทุน ถ้าไม่ผ่าน SPPI จะต้องวัดมูลค่าด้วย fair value ซึ่งภาพรวมงบการเงินจะมีลักษณะเช่นนี้ค่ะ